ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) / เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ย. 2568 อดีตประธานสาขาพรรคประชากรไทย (ปชท.) สาขา หนองจอก ยื่นร้องเรียนเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังพบว่าสาขาที่ตนเคยบริหารถูกยุบไปตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่มีการชี้แจงหรือติดต่อจากพรรคต้นสังกัด พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานและการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

นายบารฮีม ยะเลาะห์ อดีตประธานสาขาหนองจอก พรรคประชากรไทย กล่าวว่า สาขาหนองจอก ถือเป็นสาขาดั้งเดิม ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2522 และตนเองได้เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2525 ก่อนจะดำรงตำแหน่งในหลายบทบาท รวมถึงประธานสาขา 2 สมัย แม้ต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และสถานที่ทำการ แต่สาขายังคงดำเนินงานต่อเนื่อง “อยู่ๆ กลับมาประกาศว่าสาขาถูกยุบ โดยอ้างว่าสมาชิกไม่ครบ 500 คน ทั้งที่ไม่เคยแจ้งเราเลยว่าเกิดปัญหา หรือมีการประชุมเพื่ออธิบายสาเหตุ” อดีตประธานสาขาฯ กล่าวพร้อมตั้งข้อสงสัยว่าการดำเนินการดังกล่าว อาจมีความไม่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม กลับได้รับแจ้งภายหลังว่าสาขาถูกยุบเนื่องจากสมาชิกไม่ครบ 500 คน ทั้งที่ไม่เคยมีการติดต่อหรือประชุมชี้แจงใด ๆ จากพรรคหรือ กกต. อีกทั้งหัวหน้าพรรคก็ไม่เคยสื่อสารกับสาขาหนองจอกโดยตรง แต่กลับไปเปิดสาขาใหม่ที่ จังหวัดลพบุรี แทน


อดีตประธานสาขาฯ ยังตั้งข้อสังเกตถึง การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเงินแผ่นดิน โดยย้ำว่า ควรนำมาใช้จัดกิจกรรมอบรม หรือพัฒนาสมาชิกให้เห็นผลจริง แต่จนถึงขณะนี้ไม่ปรากฏความชัดเจนว่ามีการดำเนินการอย่างไร
“ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง กกต. ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2568 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ นอกจากสายโทรศัพท์จากพรรค ที่สอบถามว่าใครเป็นผู้ร้องเรียน เรื่องนี้ไม่ใช่การจับผิด แต่เป็นการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส เพราะหากการเมืองยังมีความคลุมเครือในลักษณะนี้ ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน” ผู้ร้องเรียนกล่าว
ทั้งนี้ นายบารฮีม ยืนยันว่า ได้มีการยื่นเรื่องต่อ กกต. ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา และจะติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้คำตอบที่ชัดเจนต่อสมาชิกและประชาชน





สำหรับ พรรคประชากรไทย (ปชท.) ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2522 ในนามกลุ่มประชากรไทย โดย นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเคยเป็น ส.ส.ฝ่ายขวา ของ พรรคประชาธิปัตย์ หลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 บังคับใช้ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแต่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มการเมืองได้ นายสมัคร ได้ชื่อว่าเป็นนักปราศรัยฝ่ายขวาจัดและผู้สนับสนุนราชวงศ์ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยภายใต้รัฐบาลของ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ภายหลังเหตุการณ์ สังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 จนถึงวันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ในนามพรรคประชากรไทย สมัครแข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อชิงฐานที่มั่นในกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2544 นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยไม่สังกัดพรรค ทำให้นายสุมิตร สุนทรเวช ผู้เป็นน้องชายได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคสืบต่อมา หลังจากนั้นพรรคประชากรไทยก็ไม่ได้มีที่นั่งในสภาอีก ข้อมูลล่าสุด พรรคประชากรไทย มีจำนวนสมาชิก 15,460 คน

